SEARCH
Search "ท่องเที่ยว"

Result 112 List
เตรียมใจให้พร้อม แล้วมา "ปลุกชีวิตยามค่ำ" กับค่ำคืนสุดพิเศษ! 5 สถานที่ท่องเที่ยวยามราตรีที่ต้องไปเช็คอินทั่วไทย พร้อม แก้ว Tumbler สิงห์ คู่ใจ ให้ทุกหยดของคุณยังคงสดชื่นและเย็นฉ่ำไปตลอดคืน ความสุขมีได้ทุกวัน CELEBRATE LIFE THE ORIGINAL THAI WAY เมืองไทยในยามค่ำคืนนั้นมีมนต์เสน่ห์ไม่แพ้ช่วงกลางวัน ด้วยแสงไฟระยิบระยับ ดนตรีขับกล่อม และบรรยากาศสุดพิเศษที่ชวนให้ดื่มด่ำไปกับช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ว่าคุณจะเป็นสายปาร์ตี้ สายชิลล์ หรือสายกินดื่ม เรามี 5 โลเคชั่นสุดว้าวที่จะทำให้คุณหลงรักเมืองไทยในยามค่ำคืนมากยิ่งขึ้น 1. กรุงเทพฯ – รูฟท็อปบาร์ระฟ้า วิวเมืองหลวงสุดตระการตา ทำไมต้องไป? กรุงเทพฯ คือมหานครที่ไม่เคยหลับใหล และเป็นศูนย์รวมของรูฟท็อปบาร์สุดหรูที่มอบวิวเมืองหลวงยามค่ำคืนอันตระการตาให้คุณได้ดื่มด่ำ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ เคล้าสายลมที่พัดเอื่อยๆ พร้อมมองแสงสีของเมืองที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แก้ว Tumbler สิงห์ จะช่วยให้เครื่องดื่มแก้วโปรดของคุณคงความเย็นสดชื่นไปตลอดคืน ไม่ว่าจะวิวสวยแค่ไหน เครื่องดื่มของคุณก็ยังคงความเพอร์เฟกต์! พิกัดแนะนำ: Vertigo & Moon Bar, Banyan Tree Bangkok – สัมผัสวิว 360 องศา เหนือเส้นขอบฟ้ากรุงเทพฯ Octave Rooftop Lounge & Bar, Marriott Hotel Sukhumvit – บาร์ 3 ชั้น บรรยากาศสุดชิลล์ พร้อมดนตรีเพราะๆ 2. พัทยา – บีชคลับสุดฮิป ริมหาดทรายขาวใต้แสงจันทร์ ทำไมต้องไป? พัทยาในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยความคึกคักและสีสันจากบีชคลับมากมายที่ตั้งเรียงรายริมหาดทรายขาว ที่นี่คุณจะได้เอนกายบนเบาะนุ่มๆ ฟังเสียงคลื่น จิบเครื่องดื่มเย็นๆ เคล้าเสียงเพลงจากดีเจชื่อดัง บรรยากาศสุดผ่อนคลายที่ชวนให้ลืมโลกภายนอก แก้ว Tumbler สิงห์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพกพาไปในทริปนี้ เพื่อให้เครื่องดื่มที่คุณเลือกยังคงอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดการเดินทาง ไม่ต้องกลัวแดดจะทำให้เครื่องดื่มอุ่นเร็ว พิกัดแนะนำ: The Glass House – ร้านอาหารและบาร์ริมทะเลที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศโรแมนติก Papa Beach Pattaya – บีชคลับสไตล์บาหลีสุดเก๋ ที่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ 3. เชียงใหม่ – บาร์ลับในตรอกซอกซอย เสน่ห์เมืองเหนือยามราตรี ทำไมต้องไป? เชียงใหม่ในยามค่ำคืนมีเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป ด้วยบาร์ลับเก๋ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอกซอยของเมืองเก่า มอบบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง และเต็มไปด้วยเรื่องราว การได้นั่งจิบเครื่องดื่มในมุมสบายๆ พร้อมฟังดนตรีสดเบาๆ คือความสุขที่แท้จริงของค่ำคืนที่นี่ แก้ว Tumbler สิงห์ ที่เก็บอุณหภูมิได้ดีเยี่ยม จะทำให้เครื่องดื่มของคุณคงความเย็นสดชื่น ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม พิกัดแนะนำ: The Baristro AT Ping River – คาเฟ่และบาร์ริมน้ำสุดสงบ เหมาะกับการนั่งชิลล์ฟังเสียงน้ำไหล North Gate Jazz Co-Op – บาร์แจ๊สชื่อดังที่นักท่องเที่ยวต้องไปเช็คอิน สัมผัสบรรยากาศดนตรีสดสุดมันส์ 4. ภูเก็ต – ผับ & บาร์ บนถนนบางลา แหล่งรวมความบันเทิงระดับโลก ทำไมต้องไป? ภูเก็ตไม่ได้มีดีแค่ทะเลสวยยามกลางวัน แต่ยามค่ำคืนที่นี่คือสวรรค์ของคนรักปาร์ตี้ โดยเฉพาะบนถนนบางลา ป่าตอง ที่เต็มไปด้วยผับ บาร์ และสถานบันเทิงมากมาย มอบประสบการณ์ความสนุกแบบไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงที่เร้าใจ แสงสีที่ตระการตา หรือผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่มารวมตัวกัน แก้ว Tumbler สิงห์ จะช่วยให้เครื่องดื่มของคุณคงความเย็นสดชื่น แม้ในยามที่บรรยากาศร้อนแรงสุดๆ พิกัดแนะนำ: Illuzion Phuket – ไนท์คลับขนาดใหญ่ที่ติดอันดับโลก พร้อมดีเจและโชว์ระดับสากล Tiger Nightclub – สถานบันเทิงยอดนิยมบนถนนบางลา ที่มีดนตรีหลากหลายแนว 5. เชียงราย & หาดใหญ่ – คาเฟ่ & ร้านนั่งชิลล์ บรรยากาศท้องถิ่นสุดคูล ทำไมต้องไป? แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่เชียงรายและหาดใหญ่ก็มีเสน่ห์ยามค่ำคืนที่ไม่ธรรมดา ด้วยคาเฟ่เก๋ๆ และร้านนั่งชิลล์บรรยากาศเป็นกันเอง ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น การได้ลิ้มรสเครื่องดื่มที่ไม่เหมือนใคร พร้อมพูดคุยกับเพื่อนใหม่ๆ ในบรรยากาศสบายๆ คือการ "ปลุกชีวิตยามค่ำ" ที่แท้จริงในแบบฉบับท้องถิ่น แก้ว Tumbler สิงห์ จะเป็นเพื่อนคู่ใจในการสำรวจยามค่ำคืนของคุณ ให้เครื่องดื่มที่คุณสั่งยังคงอร่อยและเย็นฉ่ำตลอดเวลา พิกัดแนะนำ: เชียงราย: Melt In Your Mouth – คาเฟ่และบาร์ริมน้ำกก ที่มีบรรยากาศสุดโรแมนติก หาดใหญ่: The Container – คอมมูนิตี้สำหรับคนชอบนั่งชิลล์ ที่มีเครื่องดื่มและของว่างหลากหลาย หากคุณเป็นสายเที่ยวที่ชื่นชอบการดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน 5 สถานที่เหล่านี้คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! ไม่ว่าจะเป็นการสังสรรค์ในเมืองใหญ่ ปาร์ตี้ริมหาด หรือการค้นพบบาร์ลับในเมืองเล็กๆ แก้ว Tumbler สิงห์ จะเป็นไอเท็มสำคัญที่ช่วยเพิ่มสีสันและรักษาความสดชื่นให้กับทุกการเดินทางของคุณ เพราะ ความสุขมีได้ทุกวัน CELEBRATE LIFE THE ORIGINAL THAI WAY! แล้วคุณล่ะ? ทริปหน้าอยากไป "ปลุกชีวิตยามค่ำ" ที่ไหนก่อนดี?
Aura Bangkok Clinic จุดเชื่อมของนักเดินทาง...สู่การดูแลความงามอย่างมั่นใจ เมื่อพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยว ประเทศไทยคือหนึ่งในจุดหมายที่ชาวต่างชาตินึกถึงเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยความงดงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง และอาหารไทยที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยโดดเด่นขึ้นไปอีกขั้นในสายตานักเดินทางยุคใหม่ คือการเป็นศูนย์กลางด้านความงามที่ครบครัน และเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น ไม่ใช่แค่การพักผ่อนเท่านั้นที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทย แต่ยังรวมถึงการดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้นอย่างมั่นใจ ด้วยบริการด้านความงามที่ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล และอบอุ่นในแบบฉบับไทย โดยเฉพาะที่ Aura Bangkok Clinic คลินิกความงามชั้นนำที่ให้บริการมานานกว่า 8 ปี และมีมากถึง 14 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ทั้งในย่านยอดนิยมอย่าง สยาม อโศก พระราม 9 รวมถึงพื้นที่ปริมณฑล กลายเป็นจุดหมายความงามที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ สิ่งที่ทำให้ Aura Bangkok Clinic แตกต่าง คือความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ที่ผ่านการอบรมจากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ พร้อมอัปเดตเทคนิคใหม่อย่างต่อเนื่อง จากประสบการณ์ดูแลลูกค้ากว่า 300,000 เคส จึงมั่นใจได้ในทุกขั้นตอน ทั้งความแม่นยำ ปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ด้านผลิตภัณฑ์ก็เลือกใช้เฉพาะของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Botox, Filler หรือเครื่องยกกระชับต่าง ๆ ซึ่งนำเข้าจาก สหรัฐอเมริกา สวีเดน และเกาหลี โดย Aura Bangkok Clinic ยังได้รับรางวัล Ultraformer Asia Pacific Top 1 ใน 3 ของประเทศไทย ยืนยันถึงความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก เหนือไปกว่าความเชี่ยวชาญและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ คือประสบการณ์การบริการที่อบอุ่นและพิถีพิถัน Aura Bangkok Clinic ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าทุกคนรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจ เปรียบเสมือนการพักผ่อนในรีสอร์ตระดับ 5 ดาวใจกลางกรุงเทพฯ การรวมเอาการเดินทางและการดูแลความงามไว้ในทริปเดียว ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการดูแลตัวเองอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางสายท่องเที่ยวหรือสายบิวตี้ ประเทศไทยก็พร้อมต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ความอบอุ่น และความงามที่คุณเลือกได้เอง หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ความงามที่คุณไว้วางใจได้... Aura Bangkok Clinic พร้อมต้อนรับคุณเสมอ เพราะความงามของคุณ คือความภาคภูมิใจของเรา คลิกเพื่อดูสถานที่ตั้งของ Aura Bangkok Clinic ทั้ง 14 สาขา
วันหยุดนี้ ถ้าใครกำลังมองหาที่เที่ยวพร้อมอาหารอร่อยในที่เดียว ต้องไม่พลาด Bangkok Bustaurant ร้านอาหารสุดเก๋ที่เสิร์ฟมื้อพิเศษบนรถบัสสองชั้นสุดหรู ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีแอร์เย็นฉ่ำ นั่งสบาย ถ่ายรูปสวยทุกมุม พร้อมวิวกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนสุดโรแมนติก สัมผัสประสบการณ์ชมวิวอันตระการตาของกรุงเทพฯ พร้อมลิ้มรสอาหารไทยรสเลิศบนรถบัสที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และให้บริการเพียงวันละ 3 รอบเท่านั้น! Bangkok Bustaurant จะพาคุณเดินทางผ่านสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ทั้งแหล่งโบราณคดี พิพิธภัณฑ์ และอนุสรณ์สถานอันทรงคุณค่า พร้อมเลือกได้ว่าจะสัมผัสประสบการณ์ทัวร์กลางวันแบบมีไกด์บรรยาย (ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ) หรือดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน พร้อมเสียงดนตรีแซกโซโฟนสดที่บรรเลงขณะรถวิ่งผ่านแลนด์มาร์กสำคัญ ท่องเที่ยวแนวใหม่ที่รวมเอาประสบการณ์การรับประทานอาหารและการท่องเที่ยวเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะมาเดต ชวนเพื่อนหรือพาแขกต่างชาติ ก็เก๋ เท่ และน่าประทับใจสุด ๆ ทั้งอาหาร วิว และบริการระดับพรีเมียมในหนึ่งเดียว ตารางเวลาและราคา: • มื้อกลางวัน | 11.30 - 13.00 น. | 2,190 บาท • มื้อบ่าย | 14.00 - 15.30 น. | 2,190 บาท • มื้อค่ำ | 18.00 - 19.30 น. | 2,190 บาท ชุดอาหารเด็กอายุ 3-12 ปี ราคาเริ่มต้นที่ 950 บาท ที่นั่งมีจำนวนจำกัด (รอบละ 18-24 ที่นั่งต่อรถบัส) กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้า เพื่อความสะดวกในการให้บริการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองที่นั่งได้ที่ช่องทางที่คุณสะดวก เช่น LINE Official: @bangkokbustaurant เบอร์โทร: (+66) 64-565-3992 เว็บไซต์: www.bangkokbustaurant.com
ทอท. ขออัปเดตวิธีการเดินทาง เข้า - ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้คุณได้วางแผนการเดินทางที่เหมาะสม สะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรถแท็กซี่, GRAB, รถ AOT Limousine, รถเช่าแบบขับเอง, รถโดยสารสาธารณะ, รถโดยสาร บขส., รถตู้ร่วมโดยสารสาธารณะ, รถโดยสารไม่ประจำทาง, Airport Shuttle Bus ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง, Shuttle Bus (รถเวียนภายในสนามบิน) และ Airport Rail Link เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีการเดินทางที่เหมาะสม ตอบโจทย์ความสะดวก รวดเร็ว และเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ รถแท็กซี่ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ระหว่างประตู 4 และ 7 (curb ใน) มีรถแท็กซี่ให้เลือก 3 ประเภท คือ รถแท็กซี่ทั่วไป, รถแท็กซี่วิ่งระยะใกล้ (ให้บริการโดยรอบสนามบินตามแผนที่ที่กำหนด ระยะทางโดยรอบประมาณ 20 กิโลเมตร) และรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ โดยจะต้องกดบัตรคิวเพื่อใช้บริการรถแท็กซี่ ซึ่งใช้เวลารอขึ้นอยู่กับผู้ใช้บริการในขณะนั้น โดยคิดค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 35 บาท หรือ 40 บาท + ค่าโดยสารตามระยะทางที่กรมขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด เพิ่มอีก 50 บาท เป็นค่าธรรมเนียม Surcharge ให้คนขับรถแท็กซี่ และมีการเก็บค่าสัมภาระซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงคมนาคม * กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Taxi Service Counter โทร 0 2132 0360 * นอกจากนี้ยังมีรถแท็กซี่ไฟฟ้า EV คิดค่าบริการตามมิเตอร์ ในอัตรา Taxi VIP เริ่มต้น 150 บาท + ค่าโดยสารตามระยะทางที่ ขบ.กำหนด เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 4 และประตู7 (curb กลาง) ให้บริการรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ * กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ EV Society Call Center โทร 0 2039 8888 * และยังมีบริการจาก CABB VIP Taxi Bangkok ค่าโดยสารเป็นไปตามมิเตอร์ ในอัตราค่าบริการแบบ Taxi VIP เริ่มต้น 150 บาท + ค่าโดยสารตามระยะทางที่ ขบ.กำหนด และเรียกเก็บค่าบริการ Service Charge 100 บาท ให้คนขับรถ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 3 (curb กลาง) * กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Taxi Service Counter โทร 0 2026 8888 * GRAB บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้เปิดให้บริการจุดรับผู้โดยสาร บริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 4 (curb นอก) พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ด้วยบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีราคาที่โปร่งใส เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง รถ AOT Limousine บริการรถรับ-ส่งสนามบินตลอด 24 ชั่วโมงแบบพรีเมียม สัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นด้วย AOT Limousine บริการรถรับ-ส่งสนามบินตลอด 24 ชั่วโมง ณ จุดบริการบริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รถทุกคันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มีประกันภัยครบวงจร และให้บริการโดยพนักงานขับรถมืออาชีพที่มีประสบการณ์ เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงสุดของคุณ ตัวเลือกรถและราคาเริ่มต้น: Luxury Sedan – BENZ EQS (สูงสุด 3 ท่าน) | เริ่มต้น 1,300 บาท Premium Van – Benz Vito (สูงสุด 5 ท่าน) | เริ่มต้น 1,150 บาท Premium Sedan – Mercedes-Benz E350 (สูงสุด 3 ท่าน) | เริ่มต้น 1,000 บาท Standard Van – Toyota Commuter (สูงสุด 8 ท่าน) | เริ่มต้น 850 บาท Standard Sedan – Toyota Camry / Deepal (สูงสุด 3 ท่าน) | เริ่มต้น 750 บาท SUV – Isuzu MU-X (สูงสุด 3 ท่าน) | เริ่มต้น 650 บาท Eco Sedan – AION (สูงสุด 3 ท่าน) | เริ่มต้น 550 บาท ช่องทางการจอง: Walk-in ที่เคาน์เตอร์บริการ แอปพลิเคชันมือถือ: SAWASDEE by AOT เว็บไซต์: www.aotlimousine.com ศูนย์บริการข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง: 0 2134 2323, 0 2134 2325 รถเช่าแบบขับเอง สำหรับผู้โดยสารที่ลงเครื่องแล้ว อยากเข้าสู่ตัวเมืองหรือท่องเที่ยวต่อแต่ยังต้องการความเป็นส่วนตัว รวดเร็ว และปลอดภัย สามารถเลือกใช้บริการรถเช่าต่างๆ ภายในสนามบิน บริเวณชั้น 2 ประตู 7 รถโดยสารสาธารณะ ให้บริการที่ศูนย์การขนส่งสาธารณะ (Bus Terminal) สาย 554 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - รังสิต (ถนนรามอินทรา) ให้บริการ 05.30 - 22.00 น. สาย S6 (555) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - สถานีกลางบางซื่อ ให้บริการ 05.00 - 24.00 น. สาย 558 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - เซ็นทรัลพระราม 2 ให้บริการ 04.45 - 22.30 น. รถโดยสารสาธารณะ ให้บริการที่บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 7 (curb ใน) สาย S1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ข้าวสาร (สนามหลวง) ให้บริการ 06.00 - 20.00 น. * กรุณาติดต่อสอบถามรอบรถก่อนการเดินทางที่ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ศูนย์การขนส่งสาธารณะ โทร 0 2132 9509 * รถโดยสาร บขส. ให้บริการที่ศูนย์การขนส่งสาธารณะ (Bus Terminal) - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - พัทยา - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - แหลมงอบ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - จันทบุรี - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ตราด - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ชลบุรี - ศรีราชา - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - แหลมฉบัง - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - หมอชิต * กรุณาติดต่อสอบถามรอบรถก่อนการเดินทางที่ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ศูนย์การขนส่งสาธารณะ โทร 0 2132 9509 * รถโดยสาร บขส. ให้บริการที่บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 8 (curb ใน) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - พัทยา (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 06 6114 3291) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - หัวหิน (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 06 6114 3291) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - เกาะช้าง, เกาะกูด (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 08 3794 2122) รถตู้ร่วมโดยสารสาธารณะ ให้บริการที่ศูนย์การขนส่งสาธารณะ (Bus Terminal) สาย 549 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - มีนบุรี สาย 559 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ฟิวเจอร์รังสิต สาย 555 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ดอนเมือง สาย 552B ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - BTS อ่อนนุช * กรุณาติดต่อสอบถามรอบรถก่อนการเดินทางที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ศูนย์การขนส่งสาธารณะ โทร 0 2132 9509 * รถโดยสารไม่ประจำทาง มีให้บริการทั้งรถตู้โดยสารปรับอากาศและรถโดยสารขนาด 44 ที่นั่ง และมินิบัสขนาด 20 – 30 ที่นั่ง ให้บริการเช่าเหมาทั้งคัน สามารถใช้บริการได้ที่บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 7 - 8 มีเคาน์เตอร์บริการ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.30 - 21.00 น. Airport Shuttle Bus ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานดอนเมือง ขึ้นรถที่บริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ประตู 3 (curb ใน) ให้บริการเฉพาะผู้โดยสารที่เปลี่ยนถ่ายสายการบินระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองเท่านั้น ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 - 24.00 น. รถออกทุก 30 นาที ไม่คิดค่าโดยสาร หลักฐานที่ขอใช้บริการต้องแสดง 1. บัตรโดยสาร หรือเอกสารยืนยันเที่ยวบินที่จะเดินทางไป 2. หนังสือเดินทาง/ บัตรประจำตัวประชาชน * ผู้โดยสารที่ไม่ได้ต่อเที่ยวบิน และประชาชนทั่วไป ไม่สามารถใช้บริการได้ * กรุณาติดต่อสอบถามรายละเอียดก่อนการเดินทางที่เคาน์เตอร์ Shuttle Bus ชั้น 2 ประตู 3 โทร 08 4718 8800 * Shuttle Bus (รถเวียนภายในสนามบิน) ให้บริการโดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีจำนวน 6 สาย ได้แก่ A, B, C, D, Express และ F ขึ้นรถที่บริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ประตู 3 - 4 (curb ใน) และชั้น 1 ประตู 3 และประตู7 * กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทางเพิ่มเติมที่เคาน์เตอร์ Shuttle Bus โทร 08 6327 8503 * Airport Rail Link ให้บริการบริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น B1 ตั้งแต่เวลา 05.30 - 24.00 น. * กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Airport Rail Link Call Center โทร 1690 *
เส้นทางในฝัน: จากขุนเขาน่านสู่สีสันโอซาก้า สำหรับนักเดินทางที่หลงรักธรรมชาติ วัฒนธรรม และการเดินทางที่สะดวกสบาย การเริ่มต้นทริปจากจังหวัดน่านไปยังเชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะสามารถสัมผัสเสน่ห์ของภาคเหนือไทย ก่อนจะเปิดประสบการณ์ใหม่ในดินแดนอาทิตย์อุทัย เริ่มต้นที่น่าน: เมืองแห่งขุนเขาและวัฒนธรรมล้านนา น่านเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม เริ่มต้นทริปด้วยการแวะวัดพระธาตุเขาน้อยเพื่อชมวิวเมืองน่านจากมุมสูง แล้วเดินทางต่อไปยังวัดภูมินทร์ที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง "ปู่ม่าน ย่าม่าน" อันโด่งดัง จากนั้น แวะไปยังบ่อเกลือโบราณแห่งเดียวในไทยที่อำเภอบ่อเกลือ และเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันเงียบสงบที่ดอยเสมอดาว เชียงใหม่: ศูนย์กลางการท่องเที่ยวภาคเหนือ จากน่าน สามารถเดินทางไปเชียงใหม่ได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อมาถึงเชียงใหม่ เมืองที่ผสมผสานความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้าด้วยกัน นักเดินทางสามารถไปสักการะวัดพระธาตุดอยสุเทพ ชมความน่ารักของน้องช้างที่ปางช้างแม่สา หรือเดินเล่นที่ถนนนิมมานเหมินทร์ ซึ่งเต็มไปด้วยคาเฟ่และร้านอาหารเก๋ๆ ยามค่ำคืน อย่าลืมแวะถนนคนเดินท่าแพหรือไนท์บาซาร์เพื่อหาของฝากและสัมผัสบรรยากาศของเมืองเชียงใหม่อย่างแท้จริง บินตรงสู่โอซาก้า: ประตูสู่ญี่ปุ่นตะวันตก หลังจากเที่ยวภาคเหนือของไทยเต็มอิ่ม นักเดินทางสามารถเดินทางจากเชียงใหม่ไปยังโอซาก้าได้โดยตรง โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เมื่อเดินทางถึงโอซาก้า เมืองแห่งสีสันและวัฒนธรรมที่ไม่เคยหลับไหล นักเดินทางสามารถเริ่มต้นที่ย่านนัมบะและโดทงโบริ แหล่งรวมร้านอาหารอร่อยและแสงสีแห่งความบันเทิง จากนั้นไปเยี่ยมปราสาทโอซาก้าที่มีประวัติยาวนาน หรือเดินทางไปเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปนเพื่อสัมผัสความสนุกสุดเหวี่ยง ทริปที่เชื่อมต่อความสุขจากไทยสู่ญี่ปุ่น การเดินทางจากน่านสู่เชียงใหม่ ก่อนต่อเครื่องไปโอซาก้า เป็นเส้นทางที่ช่วยให้นักเดินทางได้สัมผัสความงามของภาคเหนือไทยและเปิดประสบการณ์ใหม่ในญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม หรืออาหาร ทริปนี้จะทำให้คุณได้พบกับความประทับใจที่ยากจะลืม หากคุณกำลังมองหาทริปที่ครบทุกอรรถรส อย่าพลาดเส้นทางน่าน-เชียงใหม่-โอซาก้า ที่จะทำให้การเดินทางของคุณพิเศษกว่าครั้งไหนๆ!
หนีร้อนมาพบธรรมชาติ! 5 สถานที่เที่ยวหน้าร้อนสุดปังในไทย ฤดูร้อน มาถึง หลายคนอาจจะนึกถึงทะเลใสๆ หรือภูเขาสวยๆ ที่เหมาะกับการหนีจากแสงแดดอันร้อนระอุของเมืองใหญ่ แต่จะไปที่ไหนดีให้ได้สัมผัสทั้ง ธรรมชาติ, บรรยากาศดีๆ และกิจกรรมสนุกๆ? วันนี้เรามี 5 สถานที่ท่องเที่ยวหน้าร้อนในไทย ที่ต้องไปสักครั้งมาฝาก! 1. เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล – มัลดีฟส์เมืองไทย ทำไมต้องไป? เกาะหลีเป๊ะ ขึ้นชื่อว่าเป็น "มัลดีฟส์แห่งเมืองไทย" เพราะมีน้ำทะเลใสแจ๋ว หาดทรายขาว และแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะสำหรับการดำน้ำตื้น (Snorkeling) และพักผ่อนแบบชิลล์ๆ กิจกรรมแนะนำ - ดำน้ำดูปะการังที่ร่องน้ำจาบัง - พายเรือคายัครอบเกาะ - นั่งชมพระอาทิตย์ตกที่หาดซันเซ็ต 2. เกาะกูด จ.ตราด – สวรรค์แห่งความเงียบสงบ ทำไมต้องไป? ถ้าอยากสัมผัสทะเลสวยแบบไม่วุ่นวาย เกาะกูด เป็นตัวเลือกที่ดี! เกาะนี้มีธรรมชาติสมบูรณ์ น้ำทะเลใสจนมองเห็นปลาแหวกว่าย กิจกรรมแนะนำ - เล่นน้ำตกคลองเจ้า - นอนชิลล์ริมหาดทรายขาว - พายเรือคายัคในป่าโกงกาง 3. เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี – กุ้ยหลินเมืองไทย ทำไมต้องไป? ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากทะเล มาสัมผัสวิวเขาสูงตระหง่านกลางน้ำสีเขียวมรกต ต้องมาเขื่อนเชี่ยวหลาน ความเงียบสงบและธรรมชาติรอบตัวทำให้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนชั้นเยี่ยม กิจกรรมแนะนำ - ล่องแพไม้ชมวิวเขาหินปูน - นอนโฮมสเตย์กลางน้ำ - ตื่นเช้าชมหมอกและดูสัตว์ป่า 4. ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน – สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ทำไมต้องไป? แม้ว่าจะเป็นหน้าร้อน แต่ที่ ปางอุ๋ง ก็ยังคงมีอากาศเย็นสบาย วิวทะเลสาบที่โอบล้อมด้วยต้นสนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่เมืองนอก กิจกรรมแนะนำ - ล่องแพไม้ไผ่ชมทะเลสาบ - กางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาวกลางปี - เดินเที่ยวหมู่บ้านรักไทย 5. สิมิลัน จ.พังงา – จุดดำน้ำที่สวยที่สุดในไทย ทำไมต้องไป? หมู่เกาะสิมิลันขึ้นชื่อว่าเป็น แหล่งดำน้ำที่สวยที่สุดในไทย มีแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์และปลาทะเลหลากหลาย กิจกรรมแนะนำ - ดำน้ำลึกดูฉลามวาฬ - ปีนจุดชมวิวหินเรือใบ - เล่นน้ำทะเลใสสีฟ้าคราม ไม่ว่าจะเป็น ทะเลใส, ภูเขาสวย หรือเขื่อนเงียบสงบ เมืองไทยมีที่เที่ยวครบทุกสไตล์ในช่วงซัมเมอร์นี้! ใครชอบ ทะเล แนะนำเกาะหลีเป๊ะ, เกาะกูด, สิมิลัน ส่วนสาย ธรรมชาติ ต้องไป เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือปางอุ๋ง รับรองว่าฟินแน่นอน! แล้วคุณล่ะ? หน้าร้อนนี้จะไปเที่ยวที่ไหนก่อนดี? มอบความห่วงใยด้วยประกันชีวิตจากกรุงไทย-แอกซ่า ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือจะอุบัติเหตุก็ไร้กังวลหากเลือก LifeReady ที่เบี้ยประกันไม่แพงอย่างที่คิด แถมง่ายต่อการวางแผนการเงิน เพราะเลือกกำหนดชำระเบี้ยได้ถึง 4 ระยะ และยังคุ้มครองชีวิตยาวนานตลอดชีพ ที่สำคัญยังนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท/ปี อีกด้วย พลาดไม่ได้เลยกับประกัน LifeReady คุ้มครองชีวิตตลอดชีพ ให้คุณพร้อมวันนี้ เพื่ออนาคต คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้เลย